จะบอกว่าเป็นไปตามความหมายก็คงจะไม่ผิดแปลกอะไร เพราะก่อนหน้าที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็มีข่าวคราว ภาพหลุดของ iPhone รุ่นใหม่ออกมาให้ติดตามอย่างต่อเนื่อง และเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่ Apple สำนักงานใหญ่ ในแคลิฟอร์เนีย ภายใต้หัวข้อ "This should brighten everyone's day" ได้ทำการเปิดตัว iPhone 5C และ iPhone 5S อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมทั้งเปิดตัวระบบปฏิบัติการณ์ iOS 7 ที่พร้อมปล่อยให้อัพเดตฟรีตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนนี้
iPhone 5C จุดเด่น คือความหลากสีสัน มีทั้งสีเขียว ขาว น้ำเงิน ชมพู และสีเหลืองให้เลือกซื้อ โดยวัสดุด้านหลัง และด้านข้างเป็น hard-coated polycarbonate หล่อชิ้นเดียว พร้อมเปิดตัวเคสยางซิลิโคนแบรนด์แอปเปิล หน้าจอขนาด 4 นิ้ว ซีพียูใช้ชิป A6 กล้อง 8 ล้านพิกเซล Wallpaper จะถูกตั้งให้มีสีเข้ากับตัวเครื่อง ส่วนกล้องหน้าปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นพร้อมรองรับ 3G/4G LTE WiFi Dual Band Bluetooth 4.0 ราคาขายสำหรับ 16GB อยู่ที่ 17,787 บาท และ 32GB ราคาอยู่ที่ 21,027 บาท (ส่วนราคาในประเทศไทยคาดว่าจะเริ่มต้นที่ 21,400 บาทที่ความจุ 16GB)
iPhone 5S จะมีการปรับไลน์สีใหม่เป็น Slate, Gold และ Silver โดยสเปกจะมีการเพิ่ม LED Flash เป็น 2 ตัว ใช้ชิป SOC A7 64 บิตซึ่งถือว่าเป็นซีพียู 64 บิตตัวแรกที่ใช้บนสมาร์ทโฟน ระบบปฏิบัติการณ์ iOS 7 สามารถทำงานบนสถาปัตยกรรม 64 บิตได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึง 32 บิตเดิมก็สามารถทำงานได้ ความเร็วตามที่แอปเปิลบอกในงานจะเร็วกว่า iPhone 5 ถึง 2 เท่าพร้อมรองรับชุดคำสั่งกราฟิกใหม่ OpenGL ES 3.0 โดยเกมที่รองรับเกมแรกจะเป็น Infinity Blade 3
นอกจากนี้ iPhone 5S ยังมาพร้อมชิปประมวลผลใหม่ในชื่อ M7 ที่เป็นชิปสำหรับแยกประมวลผล Motion Sensor เช่น Accelerometer, Gyroscope, Compass ไปถึงการเซ็นเซอร์ที่ใช้จับการเคลื่อนไหวเวลาออกกำลังกายโดยตอนนี้มี Nike+ ใหม่ป็นแอพที่รองรับและกำลังทดสอบอยู่ แบตเตอรีจะสามารถใช้งาน 3G ได้ยาวนาน 8 ชั่วโมง LTE 10 ชั่วโมง และ Standby เครื่องได้นาน 250 ชั่วโมง
ในส่วนของกล้องถ่ายรูปแอปเปิลเลือกที่จะเพิ่มขนาดเซ็นเซอร์รับภาพให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 15% (1.5 micron pixels) พร้อมปรับรูรับแสงเป็น f/2.2 และปรับปรุงระบบถ่ายภาพใหม่โดยหนึ่งภาพระหว่างกดชัตเตอร์ลงไปหนึ่งครั้ง ภาพจะถูกแยกเลเยอร์ออกเป็นหลายเลเยอร์แล้วทำการประมวลผลภาพตั้งแต่ White Balance ค่าแสง สี และออโต้โฟกัสแบบ 15 โซนใหม่ แน่นอนเมื่อภาพรวมเป็นหนึ่งภาพจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากล้องในไอโฟนรุ่นก่อนหน้ามาก
ในส่วนของแฟลชนอกจากจะเพิ่มแรงแสงเป็น Dual Flash แล้ว ไฟแฟลชมีความอัจฉริยะขึ้นเพราะสามารถสั่ง Fill Flash และปรับภาพไม่ให้กระด้างได้ (True Tone Flash) อีกทั้งยังมาพร้อมระบบ auto-image stabilization ที่จะถ่ายภาพหลายภาพซ้อนกันแล้วประมวลผลลดอาการภาพเบลอ และทีเป็นไฮไลต์คือความสามารถในการถ่ายภาพ Slow Motion แบบ High Speed 120fps ได้ที่ความละเอียด 720p และการเปลี่ยนปุ่มโฮมให้สามารถสแกนลายนิ้วมือได้กับ Touch ID ที่สามารถนำระบบดังกล่าวไปใช้ในการปลดล็อคหน้าจอ ใช้สแกนลายนิ้วมือแทนการใส่ AppleID Password และคาดว่าจะมีแอพฯ อื่นๆ รองรับอีกมากในอนาคต
ในส่วนราคา 16GB อยู่ที่ 21,027 บาท 32GB อยู่ 24,267 บาท และ 64GB อยู่ที่ 27,507 บาท (ส่วนราคาในประเทศไทยคาดว่าจะเริ่มต้นที่ 24,900 บาทที่ความจุ 16GB) เปิดให้สั่งจองในวันที่ 13 กันยายน 2556 และวางขายในวันที่ 20 กันยายน 2556 เฉพาะในอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอังกฤษ ส่วนในประเทศอื่นๆ จะวางขายในเดือนธันวาคม 2556.
ที่มา-manager.co.th