ตามรายงานจากเว็บไซต์เจแปนไทมส์  วันที่ 12 มิถุนายน 2557 เผยว่า จากการประกาศของสหภาพนานาชาติให้ปลาไหลญี่ปุ่นตามธรรมชาติ เป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับปลาไหลญี่ปุ่น หวั่นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจในอนาคต 

          นายฮิโระคาสึ คุโดะ จากจังหวัดชิสุโอกะ อันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาไหลอันดับที่ 4 ของญี่ปุ่น เผยว่า แม้ในตอนนี้จะยังไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ก็ตาม แต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ผู้คนก็จะไม่สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติของปลาไหลญี่ปุ่นได้อีกต่อไป 

          ด้านภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นก็กังวลกับเรื่องนี้ไปไม่น้อยกว่ากัน เนื่องจากปลาไหลญี่ปุ่นถือเป็นวัตถุดิบหลักอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของชาวญี่ปุ่น และเป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะในฤดูร้อน โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เนื้อปลาไหลอุดมไปด้วยแร่ธาติที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นในวันที่อากาศร้อน 

          นายยาสุยูกิ วาคุอิ ประธานบริษัทโอะเอโดะ เคเค เจ้าของธุรกิจภัตตาคารเก่าแก่ที่เชี่ยวชาญเรื่องปลาไหลญี่ปุ่นในย่านนิฮงบาชิ ของกรุงโตเกียว แสดงความคิดเห็นว่า ครึ่งหนึ่งของปลาไหลญี่ปุ่น ถูกนำไปผลิตเป็นสินค้าเพื่อบริโภคที่มีวางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต ดังนั้นหากสามารถจำกัดเรื่องจำนวนการวางขายในตลาดได้ ก็น่าจะช่วยจัดการวิกฤตปลาไหลญี่ปุ่นได้ 

          ด้านเจ้าของร้านอาหารฟุอันยะ ซึ่งเน้นปรุงจากปลาไหลจากโอซาก้า เผยว่า เมื่อปีที่ผ่านมาปลาไหลญี่ปุ่นก็เพิ่งจะขึ้นราคาไป เพราะเริ่มหายากเนื่องจากการจับปลาไหลกันมากเกินไป และทางร้านได้ปรับตัวหากลยุทธ์การค้ามารองรับเพื่อไม่ให้สูญเสียลูกค้า แต่กับวิกฤตที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้  ทางร้านคงหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ 

          ทั้งนี้ หลังมีการประกาศให้ปลาไหลญี่ปุ่นกลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ทำให้รัฐมนตรีกระทรวงการเกษตรของญี่ปุ่นได้ออกมากล่าวว่า จะสนับสนุนการขยายพันธุ์ปลาไหลให้มากกว่าเดิม เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรปลาไหลให้มากขึ้น