อากาศเย็นชุ่มฉ่ำในช่วงหน้าฝน ความเปียกชื้นก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายเรานัก เพราะนอกจากจะพาโรคหวัด และไข้เลือดออกมารบกวนเราแล้ว อีก 1 ปัญหาที่มาด้วยถ้าเราดูแลตัวเองไม่ดีก็คือ ปัญหาโรคผิวหนังนั่นเอง
นพ.ชัยประสิทธิ์ บาลมงคล ศูนย์ผิวหนัง เลเซอร์และความงาม โรงพยาบาลเวชธานี ให้ข้อมูลกับสาระสุขสัปดาห์ว่า โรคผิวหนังเป็นภาวะที่หลีกเลี่ยงได้ยากในช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะเวลาเจอกับอากาศอับชื้น ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากเชื้อรา มีผื่นแปลกๆ บนผิวหนัง เนื่องจากลักษณะเฉพาะของเชื้อโรคกลุ่มนี้ที่เจริญเติบโตได้ดีในภาวะที่ชื้นแฉะ อีกทั้งเชื้อราที่พบก็มีอยู่หลายชนิด เช่น
1. Malassezia furfur เชื้อเกลื้อนที่มีลักษณะเป็นวงด่างๆ สีขาวหรือสีเนื้อ มักเกิดขึ้นบนผิวหนังบริเวณหน้าอกและลำตัว อาจมีอาการคันร่วมด้วยได้ นอกจากดูไม่สวยงามแล้วยังทำให้เสียบุคลิก ผื่นชนิดนี้เป็นลักษณะของโรคเกลื้อน ซึ่งพบได้บ่อยในเด็กและวัยรุ่นที่สุขอนามัยไม่ค่อยดี ไม่ชอบอาบน้ำ สามารถพบได้บนผิวหนังของคนทั่วไป
2. Candida พบในคนที่น้ำหนักมาก หรือภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่น เป็นเบาหวาน เป็นผื่นสีแดงขึ้นตามบริเวณข้อพับ เช่น รักแร้ ขาหนีบ หรือใต้ราวนม ร่วมกับมีอาการคันมาก สามารถรักษาให้หายได้โดยการทายาฆ่าเชื้อราทั่วไป แต่มักเป็นซ้ำได้บ่อย เพราะยีสต์ชนิดนี้พบได้ในร่างกายของคนเรา เช่น บริเวณช่องปาก ระบบทางเดินอาหาร และช่องคลอด
นอกจากนี้ คนที่มีไลฟ์สไตล์ประเภทชอบลุย ไม่กลัวแดดฝน และสัมผัสกับพื้นที่น้ำขัง เดินย่ำน้ำชื้นแฉะเวลาฝนตกเป็นเวลานานไม่รีบทำความสะอาดเท้า ก็อาจทำให้เกิดโรคผิวหนังที่รุนแรงมากขึ้น เช่น โรคสังคัง ผิวตามซอกนิ้วเท้าลอกเป็นขุยขาวๆ หรือเปียกยุ่ย อาจถึงขั้นเป็นแผลมีน้ำเหลืองแฉะที่ผิว อาจทำให้เกิดโรคน้ำกัดเท้าหรือเชื้อราที่เท้า ในกรณีที่อาการรุนแรงผื่นที่เกิดตามเท้าจะลามไปยังลำตัวส่วนอื่นๆได้ และที่พบบ่อยคือจะมีผื่นบริเวณขาหนีบ
โรคเท้าเหม็น ฝ่าเท้าจะเห็นเป็นรูพรุนเล็กๆ หรือเป็นแอ่งเว้าแหว่งตื้นๆ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง มักพบในผู้ชายที่ใส่ถุงเท้าที่ทำจากใยสังเคราะห์หนาๆ ซึ่งมักจะแห้งยากในหน้าฝน และโรคโลหิตจาง เกิดจากพยาธิปากขอที่ปะปนอยู่ในน้ำขัง ซึ่งชอนไชเข้าสู่ผิวหนังได้โดยตรง อีกทั้งถ้าโชคไม่ดี ได้รับเชื้อที่ทำให้เกิดโรคฉี่หนูเข้าไปตามรอยแผลเล็กๆ ที่เท้า อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้.